เป็นชุดลำลอง ตัวเสื้อตัดด้วยผ้าลูกไม้หรือผ้าป่านรูเบีย แขนยาว
เข้าเอวรัดรูป ปักลายฉลุทั้งที่คอเสื้อ ชายเสื้อ และปลายแขน
ตัวเสื้อด้านหน้าปลายแหลมยาว ความยาวตัวเสื้อจะอยู่ระดับสะโพกบน
ปกเสื้อด้านหน้าแบะออกสำหรับติดโกสังหรือกระดุมทองฝังเพชรที่ร้อยเชื่อมด้วย สร้อยทอง
ส่วนผ้านุ่งปัจจุบันนิยมใช้ผ้าปาเต๊ะปักเลื่อม
เพื่อสนับสนุนงานฝีมือของกลุ่มแม่บ้านในชุมชน
ย่าหยา หรือชาวจีนภูเก็ตเรียกว่า ปั่วตึ่งเต่ ที่แปลว่า ครึ่งสั้น
ครึ่งยาว ชาวปีนังเรียกว่า ชุดเคบาย่า
เป็นชุดการแต่งกายทางชาวพื้นเมืองดั้งเดิมภูเก็ต ปัจจุบันการแต่งกายชุดย่าหยา
ถือว่าเป็นการแต่งกายที่งดงาม แสดงออกถึงความสวยงามของความเป็นกุลสตรีภูเก็ต
ในงานสำคัญ ๆ เช่น งานบุญ งานประเพณีต่าง ๆ อาทิ งานแต่งงาน งานบวช จะมีโอกาสได้เห็นสตรีภูเก็ตแต่งกายชุดย่าหยา ที่งามสง่าน่าพิศ น่ามองเป็นที่ประทับใจยิ่งของผู้ได้พบเห็น
ย่าหยา แต่เดิมนั้น เป็นชุดแต่งกายของผู้หญิงชาวภูเก็ต
ซึ่งปรับปรุงพัฒนามาจากชุดครุย
ซึ่งเป็นชุดแต่งกายของเจ้าสาวในประเพณีดั้งเดิมของคนจีนที่มาตั้งรกรากถิ่น
ฐานอยู่ในเกาะภูเก็ต ชุดครุยนั้น เป็นชุดที่ต้องสวมใส่หลายชั้น หลายชิ้น
อาจไม่คล่องตัวและไม่เหมาะกับอากาศในบ้านเมืองแถบนี้
จึงมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการแต่งกายให้กระฉับกระเฉงและโปร่งสบายขึ้นตาม
ความเหมาะสม หากแต่ยังคงความงามและสร้างเสน่ห์ให้ผู้สวมใสไม่เปลี่ยนแปลงไปเลย
ปัจจุบันสตรีภูเก็ตนิยมสวมใส่ชุดย่าหยามากขึ้น ทำให้สตรีภูเก็ตมีความงามเป็นเอกลักษณ์
เป็นการสืบทอดวัฒนธรรมประเพณีเฉพาะของชนชาวภูเก็ตที่ไม่มีวันจางหายไปกับ
เสื้อผ้ายุคปัจจุบันที่หาเอกลักษณ์ไม่ค่อยพบ คุณค่าของย่าหยา
คือคุณค่าของมรดกในวันวาน แม้จะเป็นอดีต
แต่เป็นอดีตที่รุ่งเรืองมากค่าด้วยวัฒนธรรมเฉพาะถิ่น
และยังส่งผ่านจากรุ่นสู่รุ่นไม่เคยหยุดนิ่ง หรือขาดตอนขาดช่วงไป
ถ้าสุภาพสตรีภูเก็ตโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่จะช่วยกันรักษาชุดย่าหยาให้เป็นมรดกที่สืบต่อชั่วลูกชั่วหลาน
ก็จะยิ่งสร้างคุณค่าแห่งวัฒนธรรมการแต่งกายอันงดงามยิ่งนี้ตลอดไป


.jpg)

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น